เลือกใช้ RAID อย่างไรให้เหมาะสม

การออกแบบระบบจัดเก็บข้อมูลถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งสำหรับ การบริหารจัดการข้อมูลสารสนเทศภายในองค์กร และเพื่อให้ข้อมูลที่จัดเก็บนั้นมีประสิทธิภาพและความทนทานในระดับที่ต้อง การ การนำเทคโนโลยี RAID ไปใช้จึงถือเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดปัจจัยหนึ่ง  มาดูกันว่าปัจจุบันนี้เรามี RAID อะไรให้เลือกใช้กันบ้าง

raid
RAID 0

RAID 0 คือการนำ Hard Drive ตั้งแต่ 2 ลูกขึ้นไป มาทำงานร่วมกับแบบ Stripe โดยกระจายข้อมูลไปยัง Drive ทั้งหมดที่มี เพื่อให้ความเร็วในการเขียนและอ่านเพิ่มขึ้นตามจำนวน Hard Drive ที่ใช้งาน

  • ความเร็ว: เพิ่มขึ้นทั้งการเขียนและอ่าน
  • พื้นที่: เพิ่มขึ้นตามจำนวน Hard Drive
  • ความทนทาน: ถ้าหาก Hard Drive เสียแม้เพียงลูกเดียว ข้อมูลจะสูญหายทั้งหมด

 


RAID 1
RAID 1 คือการนำ Hard Drive จำนวนเป็นเลขคู่ ตั้งแต่ 2 ลูกขึ้นไป มาทำงานร่วมกันแบบ Mirror โดยทำการสำรองข้อมูลในอัตราส่วน 1:1 เพื่อให้เกิดความทนทานระดับสูงยิ่งขึ้น

  • ความเร็ว: เพิ่มขึ้นเฉพาะการอ่าน
  • พื้นที่: เพิ่มขึ้นตามจำนวนครึ่งหนึ่งของ Hard Drive ทั้งหมด
  • ความทนทาน: Hard Drive สามารถเสียหายได้สูงสุดจำนวนครึ่งหนึ่งของที่มีทั้งหมด และเสียหายได้น้อยที่สุดคือ 2 ลูก โดย 2 ลูกนั้นมีข้อมูลเหมือนๆ กัน


RAID 10

RAID 10 คือการนำ Hard Drive จำนวนเป็นเลขคู่ ตั้งแต่ 4 ลูกขึ้นไป มาทำงานร่วมกันทั้งแบบ Stripe และ Mirror โดยทำการสำรองข้อมูลในอัตราส่วน 1:1 เพื่อให้เกิดความทนทานระดับสูงยิ่งขึ้น

  • ความเร็ว: เพิ่มขึ้นทั้งการอ่านและการเขียน
  • พื้นที่: เพิ่มขึ้นตามจำนวนครึ่งหนึ่งของ Hard Drive ทั้งหมด
  • ความทนทาน: Hard Drive สามารถเสียหายได้สูงสุดจำนวนครึ่งหนึ่งของที่มีทั้งหมด และเสียหายได้น้อยที่สุดคือ 2 ลูก โดย 2 ลูกนั้นมีข้อมูลเหมือนๆ กัน


RAID 5

RAID 5 คือการนำ Hard Drive จำนวนตั้งแต่ 3 ลูกขึ้นไป มาทำงานร่วมกันแบบ Stripe โดยทำการสำรองข้อมูลด้วย Parity Bit ในอัตราส่วน N:1 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้ใกล้เคียงกับ RAID 0 โดยมีความทนทานสูงกว่า

  • ความเร็ว: เพิ่มขึ้นทั้งการอ่านและการเขียน
  • พื้นที่: เพิ่มขึ้นตามจำนวน Hard Drive ทั้งหมดลบด้วยพื้นที่ของ Hard Drive 1 ลูก
  • ความทนทาน: Hard Drive สามารถเสียหายได้สูงสุด 1 ลูก โดยจะเป็นลูกใดก็ได้


RAID 6

RAID 6 คือการนำ Hard Drive จำนวนตั้งแต่ 4 ลูกขึ้นไป มาทำงานร่วมกันแบบ Stripe โดยทำการสำรองข้อมูลด้วย Parity Bit ในอัตราส่วน N:2 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้ใกล้เคียงกับ RAID 5 โดยมีความทนทานสูงกว่า

  • ความเร็ว: เพิ่มขึ้นทั้งการอ่านและการเขียน
  • พื้นที่: เพิ่มขึ้นตามจำนวน Hard Drive ทั้งหมดลบด้วยพื้นที่ของ Hard Drive 2 ลูก
  • วามทนทาน: Hard Drive สามารถเสียหายได้สูงสุด 2 ลูก โดยจะเป็นลูกใดก็ได้

นอกจากนี้ยังมี RAID 3 และ RAID 4 ซึ่งไม่ค่อยเป็นที่นิยมในตลาด และมี RAID 50, 60 สำหรับระบบ SAN Storage และ NAS Storage ขนาดใหญ่ที่ต้องการทั้งประสิทธิภาพและความทนทานอีกด้วย

การนำไปใช้งาน

สำหรับการนำเทคโนโลยี RAID ไปใช้งานนั้น ทางทีมงาน Storage Whale ขอแนะนำเบื้องต้นดังนี้

  • RAID 0: สำหรับระบบที่ต้องการความเร็วและพื้นที่เพิ่ม โดยข้อมูลไม่สำคัญมาก สามารถเสียหายได้ เช่น ตัดต่อวิดีโอระดับเล็ก, การเล่นเกม, การทดสอบความเร็ว Hard Drive
  • RAID 1: สำหรับระบบที่ต้องการความทนทานและ Hard Drive มีเพียง 2 ลูก ใช้ได้ทุก Application
  • RAID10: สำหรับระบบที่ต้องการทั้งความเร็วและความทนทาน แต่ไม่ต้องการพื้นที่มากนัก โดยมี Hard Drive ตั้งแต่ 4 ลูกขึ้นไป ใช้ได้ทุก Application และแนะนำเป็นอย่างยิ่งสำหรับ Database ที่มีข้อมูลสำคัญมากๆ
  • RAID5: สำหรับระบบที่ต้องการความเร็วสูง พื้นที่ขนาดใหญ่ และความทนทานปานกลาง โดยมี Hard Drive ตั้งแต่ 3 ลูกขึ้นไป ใช้ได้ทุก Application แต่ไม่แนะนำสำหรับ Application ที่ต้องใช้งานแบบ 24×7 หรือเก็บข้อมูลที่สำคัญ เนื่องจากถ้าหากเกิดปัญหา Hard Drive เสียเพิ่มเติมหลังกจากลูกที่ 1 แล้ว ข้อมูลจะสูญหายทั้งหมดทันที
  • RAID6: สำหรับระบบที่ต้องการความเร็วสูง พื้นที่ขนาดใหญ่ และความทนทานสูง โดยมี Hard Drive ตั้งแต่ 4 ลูกขึ้นไป ใช้ได้ทุก Application โดยเฉพาะสำหรับ Application ที่ต้องใช้งานแบบ 24×7 หรือเก็บข้อมูลที่สำคัญ

ดังนั้นโดยรวมๆ แล้ว ถ้าหากต้องการให้ระบบมีความทนทานสูง ทางทีมงาน Storage Whale ก็ขอแนะนำ RAID1, RAID10 และ RAID6  แต่ถ้าหากต้องการความเร็วก็ขอแนะนำ RAID10, RAID5 และ RAID6  โดยสำหรับ RAID5 ที่เป็นที่นิยมอย่างมากในเมืองไทย ถ้าหากต้องนำไปเก็บข้อมูลที่สำคัญมากๆ ทางทีมงานก็ขอแนะนำให้ใช้ RAID6 แทนจะดีกว่า เพราะถึงแม้ RAID6 จะใช้ Hard Drive มากกว่า RAID5 ถึง 1 ลูก แต่เมื่อแลกมากับความปลอดภัยของข้อมูลแล้ว RAID6 ก็ถือเป็นทางเลือกที่ดีมากในการเก็บรักษาข้อมูลที่สำคัญๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใช้งานในประเทศไทยที่เป็นเมืองร้อนและไฟดับบ่อย อันอาจเป็นต้นเหตุให้ข้อมูลเสียหายพร้อมๆ กันได้ใน Hard Disk หลายๆ ลูก

ที่มา: www.storagewhale.com

Was this answer helpful?

 Print this Article

Also Read

HTTP Error ต่างๆ หมายถึงอะไร

400 - Bad Request : ไม่สามารถแสดงผลตามที่ต้องการได้ เกิดจากกำหนด URL ไม่ถูกต้อง 401 -...

6 Tips เด็ด ทำให้จูมล่าของคุณปลอดภัย

tips to optimize joomla security ช่วงนี้คนใช้จูมล่ากันเยอะพอสมควร มาทำให้...

การเขียน mod rewrite เพื่อกำหนด ให้แสดงผล www

ในกรณีที่ท่านต้องการกำหนดให้การเข้า เว็บ youdomain.com แล้วแสดงผลเป็น www.youdomain.com...

การตั้งค่า Flash Streaming

การตั้งค่า Flash Streaming ขั้นตอนการติดตั้งระบบ Flash Encoder ระบบใหม่เพื่อให้สามารถรับชมผ่าน...

วิธีการเปลี่ยนภาษา WordPress เป็นไทยหรืออังกฤษ

วิธีการเปลี่ยนภาษา WordPress เป็นไทยหรืออังกฤษ วิธีที่ 1 WordPress แก้จากภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทย1....

Powered by WHMCompleteSolution